ชายคนนี้พบหินประหลาดบนชายหาด แต่คนขายอัญมณีบอกเขาว่า “คุณไม่ควรมีสิ่งนี้”

ให้กับผู้ขายอัญมณี

ให้กับผู้ขายอัญมณี
ให้กับผู้ขายอัญมณี

เครื่องประดับจะมีมูลค่าได้ ก็ต่อเมื่อผู้ขายอัญมณีได้ตรวจสอบดูมันอย่างละเอียด

บรรดาช่างอัญมณีมืออาชีพสามารถบอกคุณได้ทันทีว่าเครื่องประดับที่คุณครอบครองอยู่นั้นเป็นของจริงหรือของปลอม และพวกเขายังสามารถประเมิณราคาของเครื่องประดับชิ้นนั้นได้อีกด้วย ด้านของโอลิเวอร์เองมีลางสังหรณ์ว่าชิ้นส่วนที่อยู่ในมือของเขามีค่าเป็นเงินจำนวนมาก แต่การคาดเดาของเขาจะพิสูจน์ได้ก็ต่อเมื่อให้บรรดาช่างอัญมณีมืออาชีพตรวจสอบเสียก่อน

เจ้าหน้าที่บอกกับโอลิเวอร์ว่า เขาสามารถนำหินก้อนนี้กลับบ้านได้ โอลิเวอร์รู้สึกโล่งใจ เพราะเขาแอบคิดว่าเขาต้องคืน เพราะหินนี้ไม่ใช่ของเขาตั้งแต่แรก แต่เมื่อไม่มีใครอ้างสิทธิ์การเป็นเจ้าของ และดูเหมือนว่ามันไม่ใช่ชิ้นส่วนที่มาจากการถ่ายหนังหรือของใครบางคนได้ทำหล่นไว้ในชายหาด โอลิเวอร์จึงตัดสินใจว่าจะไปร้านอัญมณีที่เขารู้จักเพราะช่างคนนี้เป็นคนเดียวที่เขาไว้ใจได้มากที่สุดในตอนนี้

คนรู้จัก

คนรู้จัก
คนรู้จัก

โอลิเวอร์ รู้ว่าใครจะสามารถดูชิ้นส่วนที่เขาพบได้ และมันถึงเวลาที่จะต้องดูว่าชิ้นส่วนที่เขาพบนั้นมีค่าหรือไม่ หรือว่าเป็นเพียงอัญมณีที่แวววาว แต่ไม่มีมูลค่าอะไรเลย หากคุณรู้จักใครก็ตามที่เป็นช่างอัญมณี สิ่งคุณควรทำที่สุดก็คือ นำอัญมณีไปหาเขาและให้เขาประเมินมูลค่าให้

โอลิเวอร์มาถึงร้านขายเครื่องประดับของมาร์ค เขารู้สึกโชคดีที่ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาต่อแถวเพื่อรับการประเมิน เขาจึงสามารถเดินตรงไปหาเจ้าของร้าน เพื่อตรวจสอบเครื่องประดับได้ทันที มาร์คประหลาดใจที่เห็นโอลิเวอร์ที่ร้าน โอลิเวอร์จริงจังและสนใจเจ้าหินนี้มากและเล่าให้มาร์คฟัง มาร์คไม่อยากจะเชื่อโอลิเวอร์สักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยอมทำตามที่โอลิเวอร์ขอ

มาร์คเห็นหินเรืองแสงในมือของโอลิเวอร์ แต่เขาคิดว่าเป็นหินราคาถูกจากร้านขายของที่ระลึก แทนที่จะปล่อยมันไปหรือโยนกลับลงไปในน้ำ เขากลับรู้สึกสงสัยและทึ่งกับสิ่งที่พบ เพราะเมื่อ โอลิเวอร์ ยื่นหินให้กับมาร์ค หินมันก็หยุดเรืองแสงทันที มาร์ครู้สึกสับสนมากในตอนแรก แต่แล้วเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และเขาต้องการเวลาในการตรวจสอบหินนี้